1 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเปรียบไก่ชน (Q&A) ...อ่าน 71
2 เปรียบไก่ชนยังไงให้ได้เปรียบ 5 ปัญจัยสำคัญที่อย่าพลาด ...อ่าน 98
3 วิ่งสุ่มอย่างไรให้ไก่ชนแกร่ง? เทคนิคจากเซียนที่คุณต้องรู้ ...อ่าน 110
4 พ่อเก่งแม่เก่ง ลูกจะเก่งจริงหรือ? ไขความลับการถ่ายทอดสายพันธุ์ไก่ชน ...อ่าน 132
5 5 วิธีสร้างความแข็งแรงและความคล่องแคล่วให้ไก่ชน เพิ่มโอกาสชนะ ...อ่าน 130
ยิงดับกลาง สนามไก่ชน เดิมพัน2แสน! ตำรวจบุกรวบมือปืนแล้ว
เขียนเมื่อ 2 ปี ที่แล้ว
อ่าน 4,796 ครั้ง
หนุ่มบุรีรัมย์ไอเดียเจ๋ง! ผลิต “กล่องไก่ชนฟองน้ำ” หลากสีสันขายเจ้าแรก
เขียนเมื่อ 3 ปี ที่แล้ว
อ่าน 42,357 ครั้ง
นายกฯ ปลดล็อคคืนอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ชน
เขียนเมื่อ 4 ปี ที่แล้ว
อ่าน 3,908 ครั้ง
เชียนไก่ชนบรบือกระเจิง หลังตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุม
ขียนเมื่อ 4 ปี ที่แล้ว
อ่าน 3,134 ครั้งย้าย 5 เสือ สภ.ทุ่งเสลี่ยม หลังตำรวจกองปราบ เข้าจับบ่อนพนันไก่ชน ในพื้นที่สุโขทัย
ขียนเมื่อ 4 ปี ที่แล้ว
อ่าน 3,353 ครั้งมท.เด้งด่วน 2 นายอำเภอป่าโมก-ชุมพร เซ่นสนามไก่ชน แพร่เชื้อโควิด
ขียนเมื่อ 4 ปี ที่แล้ว
อ่าน 3,317 ครั้งเปรียบไก่ชนยังไงให้ได้เปรียบ 5 ปัญจัยสำคัญที่อย่าพลาด
เขียนเมื่อ 4 วัน ที่แล้ว
อ่าน 98 ครั้งวิ่งสุ่มอย่างไรให้ไก่ชนแกร่ง? เทคนิคจากเซียนที่คุณต้องรู้
เขียนเมื่อ 1 สัปดาห์ ที่แล้ว
อ่าน 110 ครั้งพ่อเก่งแม่เก่ง ลูกจะเก่งจริงหรือ? ไขความลับการถ่ายทอดสายพันธุ์ไก่ชน
เขียนเมื่อ 1 สัปดาห์ ที่แล้ว
อ่าน 132 ครั้ง5 วิธีสร้างความแข็งแรงและความคล่องแคล่วให้ไก่ชน เพิ่มโอกาสชนะ
เขียนเมื่อ 2 สัปดาห์ ที่แล้ว
อ่าน 130 ครั้งคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเปรียบไก่ชน Q: การเปรียบไก่ชนคืออะไร? A: การเปรียบไก่ชนคือการนำไก่ชนของทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบกันก่อนตกลงชนจริง เป็นขั้นตอนที่เจ้าของไก่จะตรวจสอบความใกล้เคียงกันของไก่ทั้งคู่ เช่น น้ำหนัก ขนาดรูปร่าง อายุ และลักษณะต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไก่ทั้งสองสูสีกัน ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบมากเกินไป การเปรียบไก่ถือเป็นธรรมเนียมและกติกาสากลในวงการชนไก่ ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการเอาเปรียบและทำให้การชนเป็นไปอย่างยุติธรรม Q: ทำไมต้องเปรียบไก่ก่อนชน? A: การเปรียบไก่ก่อนชนมีความสำคัญเพื่อความยุติธรรมและความปลอดภัยของไก่ทั้งสองตัว หากไม่เปรียบไก่ เราอาจนำไก่ที่เล็กกว่าไปชนกับไก่ตัวใหญ่กว่ามาก หรือไก่อ่อนวัยไปชนกับไก่แก่ที่แข็งแรงกว่า ซึ่งจะทำให้ฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบจนแทบไม่มีโอกาสชนะเลย นอกจากนี้การเปรียบไก่ยังช่วยลดโอกาสที่ไก่จะบาดเจ็บหนักหรือเสียชีวิตจากการชนที่ไม่สมดุล เพราะเมื่อไก่มีความสามารถและสรีระใกล้เคียงกัน การต่อสู้ก็จะสูสีและปลอดภัยกว่า เดิมทีการเปรียบไก่ยังถือเป็นมารยาทที่แสดงถึงน้ำใจนักกีฬา เคารพคู่แข่งด้วยการไม่เอาไก่ที่เหนือกว่าไปข่มไก่อีกฝ่ายด้วย Q: ในการเปรียบไก่ชนต้องดูอะไรบ้าง? A: ปัจจัยสำคัญที่ต้องดูในการเปรียบไก่ชน ได้แก่ 1) อายุ – ดูว่าไก่คู่ต่อสู้อายุไล่เลี่ยกับไก่เราหรือไม่ ไก่หนุ่มหรือไก่ถ่าย, 2) ผิวพรรณ – สังเกตผิวหนังว่าแดงหนาหรือบางต่างกันแค่ไหน ไก่ผ่านศึกมามากหรือไม่, 3) รูปร่างและน้ำหนัก – เทียบน้ำหนักตัว ความยาวลำตัว ความกว้างของอก ปั้นขา คอ ฯลฯ ว่าใกล้เคียงกันหรือเปล่า, 4) ส่วนสูง – เปรียบความสูงให้เหมาะกับเชิงชน ไก่เราควรสูงหรือเตี้ยกว่าคู่ต่อสู้อย่างไร, 5) สกุลไก่ – ดูสายพันธุ์ สี เกล็ดแข้ง และลักษณะพิเศษอื่นๆ ของไก่คู่ต่อสู้ว่ามีทีเด็ดหรือเป็นไก่เก่งตามตำราหรือไม่ ปัจจัยทั้งหมดนี้ควรวิเคราะห์รวมกันเพื่อให้ภาพรวมออกมาว่าไก่ทั้งสองตัวสมน้ำสมเนื้อกันมากที่สุด Q: ไก่หนุ่มกับไก่ถ่ายต่างกันอย่างไร? A: ไก่หนุ่ม คือไก่ชนวัยรุ่นที่ยังอายุน้อย ส่วนใหญ่ยังไม่เคยผ่านการผลัดขนใหญ่ (ขนชุดแรกยังไม่หลุด) และมักยังไม่มีประสบการณ์ชนมากนัก ไก่หนุ่มจะโครงสร้างเล็กกว่า กระดูกยังไม่ใหญ่เต็มที่ เดือยสั้นและไม่แหลมมาก ผิวหนังอาจยังบางอยู่ พละกำลังและความอึดทนยังพัฒนาได้อีกมาก ในขณะที่ ไก่ถ่าย หมายถึงไก่ชนที่ผลัดขนชุดใหญ่แล้วหรือมีอายุมากขึ้นเต็มวัย (ประมาณเกิน 12-18 เดือนขึ้นไป) ไก่ถ่ายจะตัวโตกว่า กระดูกโครงสร้างแข็งแรงขึ้น เดือยยาวแหลม (บางตัวอาจถูกแต่งให้สั้นลงแต่โคนเดือยจะใหญ่แข็ง) ผิวหนังหนากร้านขึ้นเพราะผ่านการซ้อมและชนมามาก ความอึดทนและประสบการณ์การต่อสู้สูงกว่าไก่หนุ่มชัดเจน โดยรวมแล้วไก่ถ่ายคือไก่ที่เติบโตเต็มที่พร้อมชน ส่วนไก่หนุ่มยังอยู่ในวัยลองสนามและยังพัฒนาได้อีก Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าคู่ต่อสู้อายุมากหรือน้อย? A: เราสามารถสังเกตอายุคร่าวๆ ของไก่คู่ต่อสู้จากหลายจุด เช่น เดือยไก่ – ไก่หนุ่มเดือยมักสั้นและโคนเดือยไม่แข็งมาก ในขณะที่ไก่อายุมากเดือยจะยาวแหลมกว่า หรืออาจเห็นรอยแต่งปลายเดือยเป็นคม, เกล็ดแข้ง – ไก่แก่หรือไก่ถ่ายมักมีเกล็ดแข้งที่แห้งและแข็งเป็นสัน ร่องเกล็ดอาจแตกหรือมีเกล็ดเก่าๆ หลุดลอกติดอยู่ ส่วนไก่หนุ่มเกล็ดจะดูเรียบเต่งตึงกว่า, ขน – สังเกตขนตัวและขนหาง ถ้าเห็นว่าขนใหม่และขนเก่าอยู่ปนกัน (สีขนบางส่วนดูซีดหรือผลัดยังไม่สุด) แสดงว่าไก่ตัวนั้นเพิ่งถ่ายขนหรืออายุดีแล้ว ต่างจากไก่หนุ่มที่ขนมักชุดเดียวสีเสมอกัน, ผิวหน้าและหงอน – ไก่หนุ่มหน้าตาอ่อนวัย หงอนบางนิ่มกว่า ไก่แก่หน้าจะแก่กร้านหงอนหนาแข็งขึ้น นี่เป็นวิธีคร่าวๆ ที่ช่วยให้เราประเมินอายุไก่คู่ต่อสู้ได้ Q: “ผิวมะกรูด” ของไก่ชนหมายถึงอะไร? A: “ผิวมะกรูด” เป็นคำเปรียบเทียบที่ใช้บรรยายสภาพผิวหนังของไก่ชนที่มีความหยาบและขรุขระคล้ายผิวของมะกรูด (ส้มชนิดหนึ่งที่ผิวเป็นปุ่มๆ) โดยทั่วไปหมายถึงไก่ที่หนังหนาและผ่านการบำรุงมาอย่างดี ผิวจะมีสีแดงเข้มและค่อนข้างแข็งกระด้าง ไก่ที่มีผิวมะกรูดมักเป็นไก่ที่ผ่านการชนมาหลายครั้ง ผิวหนังจึงด้านทนต่อการถูกตี คุณสมบัติของผิวมะกรูดคือเมื่อโดนตีแล้วจะไม่ค่อยบวมช้ำหรือแตกง่าย แผลที่เกิดขึ้นมักหายเร็ว ไก่ลักษณะนี้จึงได้เปรียบไก่หนังบาง (ผิวเรียบเนียนบาง) ในด้านความทนทานต่อบาดแผล ทำให้คู่ต่อสู้ทำอันตรายได้ยากกว่า Q: ส่วนสูงของไก่มีผลต่อการชนอย่างไร? A: ส่วนสูงมีผลต่อระยะในการออกอาวุธและการได้เปรียบเชิงชนของไก่แต่ละตัวอย่างมาก ไก่ที่สูงกว่า จะได้เปรียบในเกมวงบน คือตีหัวคู่ต่อสู้ได้ถนัดกว่าเพราะยืนสูงกว่า และยากที่ไก่เตี้ยกว่าจะโจมตีส่วนหัวของมัน ขณะเดียวกัน ไก่ที่เตี้ยกว่า จะได้เปรียบในเกมวงล่าง เช่นการมุดตีลำตัวหรือคาง เพราะตัวเตี้ยสามารถลอดเข้าข้างใต้คู่ต่อสู้ที่สูงกว่าได้ง่ายกว่า ดังนั้นการเลือกคู่ชนควรคำนึงถึงเชิงไก่เราว่าเหมาะกับการเจอคู่ต่อสู้สูงหรือต่ำกว่า ตัวอย่างเช่น ถ้าไก่เราเชิงตีหัวบนเก่ง ก็ควรเจอคู่ต่อสู้ที่ความสูงด้อยกว่าหรือพอกัน เพื่อที่ไก่เราจะได้ใช้ความถนัดนั้นเต็มที่ แต่ถ้าไก่เราเก่งมุดแทงล่าง ก็ควรชนกับคู่ต่อสู้ที่สูงกว่าเล็กน้อย เราจะได้เข้าทำได้สะดวก ในทางกลับกันถ้าเลือกความสูงไม่เหมาะสม ไก่เราจะเสียเชิง ต้องไปเล่นในรูปเกมที่ตัวเองไม่ถนัด ทำให้โอกาสชนะลดลง Q: ควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อต้องเปรียบไก่? A: ผู้เปรียบไก่ควรปฏิบัติตนด้วยความสุภาพ รอบคอบ และมีน้ำใจนักกีฬา ก่อนอื่นต้องศึกษาดูไก่ของเราเองให้รู้จักดีทั้งจุดแข็งจุดอ่อน จะได้เลือกคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม อย่าประเมินไก่ตัวเองสูงเกินจริง และอย่าดูถูกไก่ของคู่ต่อสู้ ไม่ควรมีท่าทีเยาะเย้ยหรือมั่นใจเกินไปเพราะอาจทำให้ประมาท ในการเปรียบไก่ให้ปฏิบัติตามกติกาสนามอย่างเคร่งครัด เช่น เปรียบกับไก่ที่น้ำหนักและขนาดใกล้เคียงกันจริงๆ ไม่ใช้กลโกงหรือเล่ห์เหลี่ยมที่ไม่ดี (เช่น แอบถ่วงน้ำหนักไก่หรือกดไก่ให้ตัวเตี้ยเกินจริง) ที่สำคัญควรให้เกียรติคู่แข่งทั้งเจ้าของไก่และตัวไก่ เมื่อเปรียบเสร็จตกลงชนแล้วก็ทำตามข้อตกลงอย่างตรงไปตรงมา หากชนะก็แสดงความยินดีพองามไม่โอ้อวด หากแพ้ก็ยอมรับผลด้วยดี การวางตัวเช่นนี้จะทำให้เราเป็นนักเลงไก่ที่น่านับถือและสร้างบรรยากาศที่ดีในวงการชนไก่
เปรียบไก่ชนยังไงให้ได้เปรียบ 5 ปัญจัยสำคัญที่อย่าพลาด ในการชนไก่ การเปรียบไก่ชน (การจับคู่ไก่ก่อนลงสนาม) ถือเป็นขั้นตอนสำคัญมากที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ไก่ของเราคว้าชัยชนะได้สูงขึ้น ผู้เลี้ยงไก่ชนที่ดีควรเปรียบไก่ด้วยความรอบคอบและใจเย็น ไม่ปล่อยให้ไก่ของเราต้องเสียเปรียบคู่ต่อสู้อย่างเด็ดขาด หากเราเสียเปรียบด้านหนึ่ง ก็ควรหาอย่างน้อยอีกด้านหนึ่งที่เราได้เปรียบเขาเสมอ หลักชั้นเชิงในการเปรียบไก่ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปมีปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่ต้องพิจารณา ได้แก่ อายุ ผิวพรรณ รูปร่าง ส่วนสูง และสกุลไก่ เป็นต้น ซึ่งบทความนี้จะอธิบายแต่ละปัจจัยอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณ เปรียบไก่ชนให้เป็น และเพิ่มโอกาสชนะในการชนไก่อย่างมีชั้นเชิง หลักการสำคัญในการเปรียบไก่ก่อนชน มีปัจจัยที่ควรพิจารณาหลักๆ ดังนี้: อายุไก่ชน: ควรเลือกไก่คู่ต่อสู้ที่อายุไล่เลี่ยใกล้เคียงกับไก่ของเรา ไก่วัยหนุ่มไม่ควรชนกับไก่อายุมากกว่าหรือไก่ถ่ายเต็มวัย เพราะไก่ที่อายุมากกว่าจะมีความได้เปรียบหลายด้าน (เช่น หนังหนา กระดูกแข็งแรง เป็นต้น) สภาพผิวและความแกร่งของหนัง: สังเกตผิวพรรณของไก่คู่ต่อสู้ หากเขามีผิวหนังที่หนาแดงและหยาบกร้าน (“ผิวมะกรูด”) แสดงว่าเป็นไก่ที่ผ่านการชนมามาก หนังเหนียวทนเจ็บ ทำให้เอาชนะแบบแตกหักได้ยากกว่า รูปร่างและน้ำหนัก: เปรียบเทียบน้ำหนักและสรีระรูปร่างของไก่ทั้งสองตัวให้ใกล้เคียงกัน ตรวจดูความยาวลำตัว ความกว้างของอก สะโพก ปั้นขา คอ ฯลฯ อย่าให้ฝ่ายตรงข้ามมีโครงสร้างใหญ่กว่าของเรามากจนเกินไป แม้น้ำหนักเท่ากันแต่ถ้าตัวเขาใหญ่กว่าจะทำให้เราเสียเปรียบได้ ส่วนสูงและเชิงชน: ความสูงของไก่ควรเปรียบเทียบตามเชิงการชนของไก่เรา ถ้าไก่เราถนัดตีบน (โจมตีจากด้านบนใส่หัวคู่ต่อสู้) ก็ควรหาไก่คู่ต่อสู้ที่เตี้ยกว่าเล็กน้อย แต่หากไก่เราชอบมุดตีเข้าลำตัวหรือสู้คาง (โจมตีใต้คางคู่ต่อสู้) ก็ควรเลือกคู่ต่อสู้ที่สูงกว่าเราเล็กน้อย สกุลไก่และลักษณะพิเศษ: ดูลักษณะสายพันธุ์ สีสัน เกล็ดแข้ง และรูปร่างหน้าตาของไก่คู่ต่อสู้ว่ามีลักษณะเข้าข่ายไก่เก่งตามตำราหรือไม่ ไก่บางตัวมีลักษณะต้องตามตำราโบราณทุกอย่าง ก็ควรเพิ่มความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้ เพราะอาจหมายถึงไก่ตัวนั้นเก่งกาจหรือสืบเชื้อสายมาจากสายพันธุ์ชั้นยอด ด้านล่างนี้เป็นรายละเอียดในแต่ละข้อข้างต้น พร้อมคำแนะนำและเทคนิคการเปรียบไก่ชนอย่างเข้าใจง่าย เพื่อให้คุณนำไปปรับใช้ได้จริงในการชนไก่ครั้งต่อไป อายุของไก่ชน: เลือกวัยให้เหมาะสม อายุเป็นปัจจัยอันดับแรกที่ต้องพิจารณาในการเปรียบไก่ ก่อนตกลงชนควรเลือกคู่ต่อสู้ที่อายุใกล้เคียงกับไก่ของเรา เพราะไก่ที่วัยต่างกันมากมักทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหากไก่ของเราเป็นไก่หนุ่ม (อายุน้อยและยังไม่เคยผลัดขนหรือยังไม่มีประสบการณ์มาก) ก็ควรหลีกเลี่ยงการนำไปชนกับไก่ถ่ายหรือไก่อายุมากที่ผลัดขนแล้วเต็มวัย เนื่องจากไก่ถ่ายมักมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าไก่หนุ่มหลายด้าน เช่น: มีผิวหนังที่หนาและเนื้อแดงจากการบำรุงดี ทำให้ทนต่อบาดแผลได้มากกว่า เดือยยาวและแหลมคม (บางตัวผ่านการแต่งเดือยมาแล้ว) ใช้โจมตีได้รุนแรงกว่าไก่เดือยสั้นวัยหนุ่ม ขนขึ้นเต็มที่ แข็งแรง เงางาม (“น้ำขนแข็งเป็นมัน”) บ่งบอกถึงสุขภาพและพละกำลังที่สมบูรณ์ เกล็ดแข้งที่ขาแห้งแตกหยาบเล็กน้อย อันเป็นลักษณะของไก่ที่ผ่านการผลัดขนและอายุมากขึ้น (เกล็ดแข้งบางอันอาจผลัดยังไม่หมด) โครงสร้างกระดูกใหญ่และแน่นหนากว่า ทำให้ร่างกายแข็งแรง รับแรงปะทะและทรงตัวได้ดีกว่า ผ่านการชนสนามมาแล้ว มีประสบการณ์และความทรหดอดทนสูง “ตียุบยาก” คือโดนตีหนักก็ยังไม่ล้มง่าย มีความอึดสู้งาน ถ้ายืดเยื้อไก่หนุ่มมักจะแผ่วก่อน จากลักษณะข้างต้นจะเห็นว่าไก่ถ่ายหรือไก่อายุมากกว่ามีความได้เปรียบชัดเจนในเกมยืดเยื้อ หากไก่หนุ่มของเราต้องไปเจอ ไก่เราจะเหนื่อยล้าและเสียเปรียบในระยะยาวแน่นอน ดังนั้น ถ้าไก่เราอายุยังน้อย ควรมองหาคู่ชนที่อายุไล่เลี่ยกัน (เป็นไก่หนุ่มเช่นกัน) เพื่อให้ต่อกรกันสูสี ไม่ถูกความแข็งแกร่งตามวัยของอีกฝ่ายกดดันจนเกินไป แต่หากไก่ของเราเป็นไก่ถ่ายที่เต็มวัยแล้ว กรณีนี้เรื่องอายุอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ไก่ถ่ายสามารถชนกับไก่หนุ่มหรือไก่ถ่ายด้วยกันก็ได้ ตรงนี้ผู้เลี้ยงอาจพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ ประกอบเพิ่มเติม เช่น น้ำหนักและฝีมือการชน อย่างไรก็ตาม โดยมารยาทและความแฟร์ ก็ควรเลือกชนกับไก่ที่อายุอยู่ในช่วงใกล้เคียง จะดีที่สุดต่อทั้งสองฝ่าย วิธีสังเกตอายุไก่คู่ต่อสู้: หากไม่ทราบแน่ชัดว่าไก่ของอีกฝ่ายหนุ่มหรือแก่ สามารถสังเกตได้จากลักษณะบางประการ ได้แก่ ดูที่เดือยไก่ก่อน – ไก่อายุมากมักมีเดือยยาวแหลม หรือถ้าเดือยถูกตัดแต่งเป็นทรงเฉียง (ปากฉลาม) ก็แปลว่าเดือยเขาโตเต็มที่แล้ว ในขณะที่ไก่วัยหนุ่มเดือยจะสั้นกว่า โคนเดือยยังไม่แข็งเต็มที่ (จับแล้วเดือยโยกได้นิดหน่อย) และปลายเดือยไม่แหลมมาก นอกจากนี้ให้ลองดูที่เกล็ดแข้งและขนของไก่คู่ต่อสู้ร่วมด้วย ไก่ถ่ายที่อายุดีมักมีเกล็ดแข้งแห้งแข็งเป็นสัน แลเห็นรอยต่อร่องเกล็ดชัดเจน หรืออาจมีเกล็ดบางอันล่อนผลัดอยู่ ส่วนขนไก่ที่ผ่านการผลัดจะเห็นขนใหม่แซมกับขนเก่าบางส่วน (เช่น ขนหางมีทั้งเส้นใหม่เส้นเก่า สีขนจะด่างไม่สดสม่ำเสมอทั้งหมด) หากพบลักษณะเหล่านี้ก็พออนุมานได้ว่าไก่ตัวนั้นอายุไม่น้อยแล้ว เราควรพิจารณาให้รอบคอบว่าจะชนด้วยหรือไม่ สภาพผิวหนังและความแข็งแกร่ง: ผิวบาง vs ผิวมะกรูด ผิวพรรณของไก่ชนเป็นอีกเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องดู ทุกซุ้มมักบำรุงดูแลผิวไก่เป็นอย่างดีเพื่อให้หนังเหนียวทนทานต่อการถูกตี ไก่ชนเก่งๆ มักมีคำกล่าวถึงลักษณะผิวว่า “เนื้อแดง หนังหนา ผิวมะกรูด” ซึ่งหมายถึงเนื้อใต้ผิวหนังมีสีแดงเลือดฝาด สุขภาพดี หนังหนาและผิวหยาบเหมือนผิวมะกรูด (ส้มโอมือ) ไก่ที่มีผิวหนังลักษณะนี้จะได้เปรียบในการชนมาก เพราะเมื่อถูกตีหรือเกิดบาดแผล แผลจะหายหรือสมานเร็ว (ไม่เห่อบวมหรือเปิดแผลนาน) และทนทานต่อแรงตีได้ดี กล่าวง่ายๆ คือหนังเหนียว เจ็บยาก ไก่ชนประเภทนี้ส่วนใหญ่ผ่านสนามชนมาอย่างโชกโชน เคยโดนตีจนเจ็บมาก่อนจึงหนังหนากร้าน มีภูมิต้านทานต่อการบอบช้ำสูง ในทางกลับกัน ไก่ที่ผิวบางหนังบาง (ผิวไม่ค่อยแดง หนังนิ่มกว่าปกติ) เมื่อต้องเจอกับไก่หนังหนาจะเสียเปรียบชัดเจน เพราะโดนแข้งตีเพียงไม่กี่ทีผิวหนังก็อาจเห่อบวม แผลแตกง่ายและบวมช้ำมากกว่า สังเกตได้ว่าไก่หนังบางเวลาโดนตีที่หน้า หนังหน้ามักจะฉีกแตกหรือบวมปูดง่าย ในขณะที่มีคำกล่าวว่า "ไก่เก่งหนังหน้าไม่เคยแตก" หมายถึงไก่ที่เก่งจริงๆ นั้นหนังหน้าจะเหนียวแน่น โดนตีอย่างไรก็ไม่แตกง่าย ดังนั้นเราควรระวังหากต้องเปรียบเจอไก่คู่ต่อสู้ที่ผิวพรรณดูหนากร้านกว่าไก่ของเราอย่างเห็นได้ชัด วิธีเปรียบเทียบผิวพรรณ: ใช้การสังเกตด้วยสายตาเป็นหลัก ให้ดูที่สีผิวและสภาพผิวบริเวณลำตัว คอ หน้าอก รวมถึงใบหน้าของไก่คู่แข่งว่าแดงจัดและหยาบกร้านกว่าของเราหรือไม่ ถ้าหน้าตาผิวพรรณเขาดูแก่กร้าน หนังหนากว่า นั่นแปลว่าเขาผ่านศึกมามากและจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เอาชนะได้ยากขึ้น ในกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะชนกับไก่ที่ผิวหนังเหนียวกว่าไก่เรา ผู้เลี้ยงควรเตรียมใจว่างานนี้ไก่เราจะตีคู่ต่อสู้ให้บอบช้ำได้ยากกว่าปกติ และต้องอาศัยความรวดเร็วหรือชั้นเชิงอื่นๆ เข้าช่วยมากขึ้น แต่ทางที่ดีที่สุดคือพยายามเลือกคู่ชนที่สภาพผิวสูสีกัน จะทำให้เกมชนยุติธรรมและมีโอกาสชนะสูงกว่า รูปร่างและน้ำหนัก: เปรียบโครงสร้างร่างกายให้สูสี แม้ว่าการชนไก่จะจัดแบ่งตามน้ำหนักเป็นหลัก แต่เฉพาะตัวเลขน้ำหนักอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะบอกความได้เปรียบเสียเปรียบในการชนจริง เราต้องพิจารณารูปร่างโครงสร้างของไก่คู่ต่อสู้ประกอบด้วย การ จับตัวไก่ ของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจึงเป็นสิ่งจำเป็น ในขั้นตอนการเปรียบไก่ คุณควรได้รับอนุญาตให้จับตัวไก่ของอีกฝ่าย (และเขาจับของเรา) เพื่อเปรียบเทียบสัดส่วนต่างๆ ดังนี้: ความยาวลำตัวและขนาดลำตัว: ดูว่าลำตัวยาวพอๆ กันหรือไม่ และความหนากว้างของลำตัวใกล้เคียงกันหรือเปล่า ไก่ที่ลำตัวยาวหรืออกกว้างใหญ่กว่าย่อมได้เปรียบในแง่แรงปะทะและความอึด ขนาดโครงกระดูกและกล้ามเนื้อ: ข้อนี้สังเกตได้จากการจับถือไก่ ถ้าไก่คู่ต่อสู้มีกระดูกที่ใหญ่แน่น (จับแล้วรู้สึกแข็งแรง มือเราสัมผัสได้ถึงกระดูกที่ขนาดโต) มีกล้ามเนื้อแน่นโดยเฉพาะบริเวณคอและลำตัว แสดงว่าไก่ตัวนั้นมีพละกำลังดีและทนทานต่อแรงปะทะสูง หัวไหล่และแผ่นหลัง: เปรียบความกว้างของไหล่และหลัง หากไก่อีกฝ่ายไหล่กว้างหลังใหญ่กว่าไก่เรา เขาจะได้เปรียบเรื่องแรงส่งเวลาออกอาวุธ และทนต่อแรงตีของเราได้ดีกว่า ความหนาของข้อขาและปั้นขา: (ปั้นขาคือส่วนต้นขาของไก่) ให้ดูว่าข้อขาและต้นขาของอีกฝ่ายใหญ่มีกล้ามเนื้อมากน้อยเพียงใด ข้อขาใหญ่จะส่งพลังการตีได้หนักหน่วงกว่า ขณะที่ปั้นขาใหญ่แสดงถึงกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง ออกแข้งได้รวดเร็วรุนแรง ไก่ที่ปั้นขาและแข้งขาใหญ่กว่ามากจะได้เปรียบเรื่องพลังโจมตี ความยาวคอและปีก: คอยาวจะช่วยให้ไก่ยืดตัวได้สูงและได้ระยะเปรียบเวลาโดดตี ส่วนปีกที่ยาวและแข็งแรงช่วยในการทรงตัวและกระพือพุ่งตัวได้ดีในอากาศ ในการเปรียบรูปร่างนี้ หลักสำคัญคืออย่าให้ส่วนสำคัญของคู่ต่อสู้ใหญ่กว่าของเรามากจนเห็นได้ชัด เพราะนั่นหมายถึงศักยภาพด้านพละกำลังหรือความได้เปรียบเชิงกายภาพของเขามากกว่าเรา ตัวอย่างเช่น หากจับดูแล้วพบว่าอีกฝ่ายกระดูกใหญ่แน่น แข้งขาโต ลำตัวหนากว่าไก่เรามาก แม้น้ำหนักเท่ากันก็ถือว่าเราเสียเปรียบเรื่องพละกำลังความทนทาน ให้ระวังไก่รูปร่างใหญ่แต่ทำน้ำหนักมาดีน้ำหนักน้อย เช่น ไก่สายพันธุ์เวียดนาม (ไซ่ง่อน) หรือสายพันธุ์ไต้หวันบางตัว โครงสร้างร่างกายเขาอาจใหญ่โต กระดูกหนา แต่รีดน้ำหนักตัวมาพอดีเกณฑ์ชน ทำให้เวลาชั่งก็ผ่านเกณฑ์น้ำหนักเดียวกับไก่เรา แต่พอลงสังเวียนจริงเขาจะตัวใหญ่และหนักแน่นกว่า ไก่ลักษณะนี้จะอึดและตีเราได้แรงโดยที่เราทำอะไรเขาได้ยาก ดังนั้นในการเปรียบไก่ น้ำหนักต้องใกล้เคียงและรูปร่างต้องสูสี คือตัวไม่เล็กหรือใหญ่กว่ากันจนเกินไป ถ้าไก่เราโครงสร้างเล็กกว่าแต่ดันหนักเท่ากัน (อาจมีไขมันหรือโครงสร้างกระดูกเล็กกว่า) เราก็ควรคิดให้ดี เพราะพละกำลังจริงๆ ของเราน้อยกว่าแน่นอน เว้นแต่ไก่เราจะมีชั้นเชิงฝีมือแพรวพราวกว่าอย่างชัดเจนจึงพอจะแลกได้ แต่โดยทั่วไปหากพบว่าโครงสร้างเราเสียเปรียบมาก ควรหลีกเลี่ยงการชนครั้งนั้นจะดีกว่าเพื่อป้องกันไก่ของเราเองไม่ให้บอบช้ำเกินควร ส่วนสูงและเชิงชน: สูงตีหัว ต่ำตีคาง ส่วนสูงของไก่ชนเมื่อเปรียบเทียบ ต้องดูควบคู่กับเชิงในการชนของไก่เราด้วย ไก่แต่ละตัวถนัดการออกอาวุธในระยะและท่าทางที่ต่างกัน การเลือกคู่ต่อสู้ที่ส่วนสูงเหมาะสมกับเชิงไก่เราจะช่วยให้ไก่เราใช้ความถนัดได้เต็มที่ มีโอกาสชนะมากขึ้น โดยหลักๆ มีแนวทางดังนี้: หากไก่ของเราชอบตีบน หรือถนัดออกอาวุธใส่ช่วงหัวและหลังของคู่ต่อสู้ (บางตัวบินตี บางตัวแทงหัวเป็นหลัก) เราควรเปรียบให้ไก่เรา สูงกว่าหรืออย่างน้อยสูงเท่า ไก่คู่ต่อสู้ เพราะความสูงที่มากกว่าจะทำให้ไก่เรายืนเหนือกว่า เล็งตีหัวคู่แข่งได้ถนัดและรุนแรงกว่า หากเราเอาไก่ตีบนไปชนกับไก่ที่สูงกว่า โอกาสออกอาวุธใส่จุดสำคัญจะทำได้ยากลง อาจเสียเปรียบเชิงไปโดยปริยาย หากไก่ของเราชอบมุดต่ำหรือชอบตีตุ้มตีคาง (คือมุดตีเข้าลำตัวด้านล่างหรือตีเข้าช่วงคาง-คอคู่ต่อสู้จากด้านล่าง) กรณีนี้กลับกัน เราควรเลือกคู่ต่อสู้ที่ สูงกว่าไก่เราเล็กน้อย ให้ไก่เราเป็นฝ่ายเตี้ยกว่า เพราะไก่ที่เตี้ยกว่าจะมุดเข้าใต้ง่ายกว่า ลอดขึ้นตีคางตีอกคู่ต่อสู้ได้ถนัด ไก่ลักษณะนี้ถ้านำไปชนกับไก่ที่เตี้ยกว่า ตัวเราเองที่เตี้ยอยู่แล้วจะเสียเปรียบเพราะเข้าไม่ถึงคางคู่แข่ง ช่วงตัวที่สั้นกว่าอาจทำให้ตีไม่ถนัด ระวังกลโกงเรื่องส่วนสูง: ในสนามชนจริงบางครั้งเราอาจเจอกลเม็ดของคู่แข่งที่พยายามทำให้ไก่ตนดูเตี้ยกว่าความจริง เจ้าของบางรายจะฝึกกดหลังไก่ของตนให้ยืนย่อ (หมอบต่ำ) จน癖ติดตัว ไก่จะเคยชินกับการย่อตัวตลอดเวลา ทำให้ตอนเปรียบเทียบกัน ไก่ของเขาดูเตี้ยกว่าไก่เรา ทั้งที่ความจริงความสูงอาจไล่เลี่ยหรือสูงเท่ากันก็ได้ หากไม่สังเกตให้ดีเราอาจหลงกลคิดว่าได้เปรียบความสูงแล้ว จริงๆ พอลงชนไก่เขาอาจยืดตัวขึ้นมาเท่ากับไก่เราได้ ดังนั้นเวลาประกบไก่เปรียบส่วนสูง ควรดูท่าทางไก่คู่ต่อสู้อย่างละเอียด จะลองเชยคางไก่เขาขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูว่าเมื่อยืดคอตรงเต็มที่แล้วสูงเท่าไร ก็เป็นวิธีตรวจสอบความสูงที่แท้จริงอีกทางหนึ่ง กล่าวโดยสรุป เรื่องส่วนสูงเราควรพยายามเลือกคู่ชนที่ไม่ทำให้เชิงตีของไก่เราเสียเปรียบ ถ้าไก่เราถนัดตีบนก็อย่าไปชนกับตัวยักษ์ที่สูงกว่าเรามากๆ เพราะเราจะตีเขาไม่ถึงจุดสำคัญ แต่ถ้าไก่เราถนัดมุดตีล่าง ก็ไม่ควรชนกับไก่ที่เตี้ยกว่าเราเพราะเราจะหาคางเขาไม่เจอ ความสูงที่เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมให้เชิงชนของไก่เราออกมาได้เต็มประสิทธิภาพ สกุลไก่และลักษณะตามตำรา: อย่าประมาทไก่ลักษณะดี “สกุลไก่” ในที่นี้หมายถึงสายพันธุ์และลักษณะสายเลือดของไก่ชน รวมถึงลักษณะพิเศษต่างๆ ที่สืบทอดมาตามสายพันธุ์ เซียนไก่ชนรุ่นเก่ามักมีตำราและความเชื่อในการดูรูปร่างลักษณะของไก่เพื่อทำนายความเก่ง ลักษณะที่มักพิจารณา เช่น สีขน, รูปหน้าและดวงตา, เกล็ดแข้งและนิ้วเท้า, ลักษณะเดือย, รวมถึงทรงเหล่า (ทรวดทรงโดยรวม) เป็นต้น หากไก่คู่ต่อสู้มีลักษณะต้องตามตำราโบราณหลายประการ อย่างที่เรียกว่า “เข้าตำราไก่เก่ง” เช่น สีสันกล้าแกร่ง, เกล็ดแข้งเป็นระเบียบมีชั้นเชิง (บางตัวมีเกล็ดพิฆาตหรือเกล็ดแปลกที่เชื่อว่าออกอาวุธร้ายแรงได้), หน้าตาดุดัน, ตาใสเป็นประกาย ฯลฯ ไก่ที่ดูทรงสกุลดีเหล่านี้มักได้รับการคาดหมายว่าเก่งหรืออย่างน้อยก็ถูกคัดมาอย่างดี เราควรระวังและไม่ประมาทเป็นอันขาด แน่นอนว่าความเชื่อเรื่องสกุลไก่และลักษณะตามตำราอาจไม่ได้ถูกต้อง 100% เสมอไป แต่เซียนไก่หลายรุ่นสั่งสมประสบการณ์จนกลั่นกรองออกมาเป็นข้อสังเกตเหล่านี้ ดังนั้นการไม่ประมาทความเชื่อถือเป็นเรื่องสำคัญ หากเราเจอไก่คู่แข่งที่ทั้งสีดี เกล็ดดี รูปร่างดี (หล่อเข้าตำราทุกอย่าง) ก็ต้องชั่งใจว่าควรเลี่ยงจะดีกว่าหรือไม่ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ต้องเตรียมแผนรับมือให้รอบคอบกว่าเดิม เพราะมีโอกาสสูงที่ไก่ตัวนั้นจะไม่ธรรมดา อีกอย่างที่เกี่ยวกับสกุลไก่คือ สายพันธุ์ของไก่คู่ต่อสู้ ปัจจุบันมีการผสมสายพันธุ์ไก่ชนหลากหลาย เช่น ไก่พม่า, ไก่ไทย, ไก่ไซ่ง่อน (เวียดนาม), ไก่เหล่าป่าก๋อย เป็นต้น ไก่แต่ละสายพันธุ์มีสไตล์การชนต่างกันและจุดเด่นจุดด้อยต่างกัน หากเราพอทราบว่าไก่คู่ต่อสู้เป็นสายพันธุ์อะไรและไก่เราเคยแพ้ทางสายพันธุ์นั้นหรือไม่ ก็สามารถนำมาประกอบการตัดสินใจตอนเปรียบไก่ได้เช่นกัน เช่น ไก่พม่ามักเชิงไว ออกอาวุธรวดเร็ว ถ้าไก่เราเชิงช้ากว่าและเคยแพ้ทางไก่เชิงไวมาก่อน ก็อาจไม่ควรชน เป็นต้น สรุปแล้ว การดูสกุลไก่เป็นการใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ควบคู่กับความเชื่อดั้งเดิม เป็นอีกเกณฑ์หนึ่งในการประเมินคู่ต่อสู้ หากไก่เรายังไม่เคยเจอไก่เก่งลักษณะครบเครื่องมาก่อน ก็ไม่ควรดูเบาคู่ต่อสู้ตัวที่มีสกุลไก่ดีเด็ดขาด เพื่อรักษาโอกาสชนะของเราเอาไว้ มารยาทและทัศนคติ: ชนะให้สมศักดิ์ศรี แพ้ให้มีเกียรติ นอกจากปัจจัยด้านร่างกายของไก่ชนแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติของผู้เปรียบไก่เอง ผู้เปรียบไก่ (เจ้าของหรือคนเลี้ยงที่นำไก่มาหาคู่ชน) จะต้องไม่โอ้อวดหรือมั่นใจเกินเหตุจนประมาท อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่าไก่ของเราเก่งที่สุดไร้เทียมทาน ไม่กลัวหน้าไหนทั้งสิ้น เพราะความคิดแบบนั้นจะทำให้เรามองข้ามจุดอ่อนบางอย่างของไก่เราและเสี่ยงต่อการเลือกคู่ชนที่เราเสียเปรียบโดยไม่รู้ตัว คนเปรียบต้องไม่เก่งกว่าไก่ หมายความว่าต้องประเมินไก่ตนเองตามความเป็นจริง รู้จักจุดแข็งจุดอ่อนของไก่ตัวเองและยอมรับเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าในบางด้าน หากประเมินแล้วว่าสู้ไม่ได้จริงๆ ก็กล้าที่จะไม่ชน ดีกว่าฝืนชนไปแล้วไก่เราเจ็บหนักหรือเสียไก่ไป มารยาทในการเปรียบไก่ก็เป็นเรื่องที่นักเลงไก่พึงมี เราควรให้เกียรติคู่ต่อสู้และยอมรับกติกาสนามอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การเลือกไก่มาเปรียบ ควรเลือกตัวที่ขนาดใกล้เคียงกันจริงๆ ไม่เอาเปรียบด้วยการจับคู่ไก่ที่เล็กกว่ามากเพียงเพราะหวังชนะขาด (ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดมารยาทและสนามก็มักไม่อนุญาตอยู่แล้ว) และไม่ควรดันทุรังส่งไก่เราไปชนกับไก่ที่เหนือกว่ามากๆ เพียงเพราะความคะนอง เพราะถ้าแพ้ขึ้นมาจะเสียทั้งกำลังใจและชื่อเสียง สู้แพ้อย่างมีเกียรติดีกว่าชนะอย่างไร้ศักดิ์ศรี ในการชนไก่ทุกครั้ง ควรยึดหลัก “ชนะอย่างสมศักดิ์ศรี แพ้ก็แพ้อย่างมีเกียรติ” คือเมื่อชนะก็ให้ชนะอย่างขาวสะอาด ภูมิใจได้เต็มที่ว่าชนะด้วยฝีมือ ไม่ใช่เอาเปรียบเขา และหากต้องแพ้ก็ยอมรับผลอย่างสุภาพ ไม่โวยวายหรือกล่าวโทษใคร การรักษาสปิริตนักกีฬาและน้ำใจนักเลงเช่นนี้จะทำให้วงการไก่ชนสนุกสนานยั่งยืน และตัวเราก็ได้รับความนับถือจากผู้อื่นด้วย สรุป: การเปรียบไก่ชนให้เป็นคือการประเมินคู่ต่อสู้ทุกด้านอย่างรอบคอบ ทั้งอายุ ผิวพรรณ รูปร่าง ส่วนสูง และสกุลไก่ ตลอดจนประเมินศักยภาพไก่ของเราเองอย่างเป็นกลาง ผู้เลี้ยงที่มีชั้นเชิงจะรู้ว่าเมื่อไรควรชน เมื่อไรควรถอย เพื่อให้ได้คู่ชนที่เหมาะสมที่สุด เมื่อเราเปรียบไก่ได้อย่างถูกต้องและยุติธรรม ไก่ของเราก็จะมีโอกาสคว้าชัยชนะในสังเวียนสูงขึ้น และถึงแม้ผลจะออกมาแพ้ชนะอย่างไร เราก็มั่นใจได้ว่าได้ทำเต็มที่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์และให้เกียรติคู่แข่งแล้ว
การวิ่งสุ่ม (ออกกำลังในกรงกลม) เทคนิคฝึกไก่ชนให้ฟิต อึด และพร้อมสู้ การเลี้ยงไก่ชนให้เก่งนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์เพียงอย่างเดียว แต่การฝึกฝนก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยพัฒนา ความแข็งแรง ความอึด และสมรรถภาพร่างกาย ของไก่ชน หนึ่งในวิธีฝึกยอดนิยมที่ใช้กันมานานคือ “การวิ่งสุ่ม” หรือการออกกำลังในกรงกลม บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักการวิ่งสุ่มแบบเจาะลึก ตั้งแต่ ความหมาย ประโยชน์ วิธีฝึกจริง ตารางการฝึก ข้อควรระวัง ไปจนถึงเคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อให้ไก่ชนพร้อมชนอย่างสมบูรณ์ การวิ่งสุ่มคืออะไร? การวิ่งสุ่ม หรือ “วิ่งกรงกลม” เป็นการนำไก่ชนเข้าไปใน กรงวงกลมหมุนได้ โดยใช้ไก่ตัวล่อหรือสิ่งเร้ามากระตุ้นให้ไก่วิ่งวนรอบๆ กรง การฝึกนี้ทำให้ไก่ได้ ออกกำลังอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เสี่ยงบาดเจ็บจากการชนจริง ในอดีต ชาวบ้านนิยมใช้ วงล้อไม้ไผ่ ทำเป็นกรงกลมง่าย ๆ ให้ไก่วิ่ง ส่วนปัจจุบันมีการพัฒนามาเป็น กรงเหล็กหรือพลาสติกแข็งแรง ที่หมุนได้ลื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น ประโยชน์ของการวิ่งสุ่ม 1. เสริมสร้างกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อขาแข็งแรง ทำให้การออกแข้งมีพลัง กล้ามเนื้ออกและปีกสมดุล ช่วยในการทรงตัว 2. เพิ่มความอึดและระบบหายใจ ฝึกการหายใจลึกและยาว ไก่ชนไม่เหนื่อยง่ายในสนามจริง 3. ควบคุมน้ำหนักตัว ป้องกันการสะสมไขมัน ทำให้รูปร่างเพรียว ลำตัวยกสูง สวยงามตามลักษณะไก่ชน 4. สร้างความมั่นใจ ไก่มีนิสัยไม่กลัวการเคลื่อนไหว คุ้นชินกับการออกกำลังต่อเนื่อง วิธีการฝึกวิ่งสุ่มอย่างถูกต้อง เลือกกรงสุ่มที่เหมาะสม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2–3 เมตร ทำจากวัสดุแข็งแรง ปลอดภัย หมุนได้ลื่น ไม่ฝืด ช่วงเวลาฝึก ฝึกตอนเช้าและเย็น อากาศไม่ร้อนเกินไป ระยะเวลาเริ่มต้น 5–10 นาที ต่อครั้ง ตารางการฝึก ช่วงอายุไก่ชน ระยะเวลาการวิ่ง ความถี่ต่อสัปดาห์ 7–10 เดือน (เริ่มฝึก) 5–10 นาที 3–4 วัน 10–12 เดือน (กำลังโต) 10–20 นาที 4–5 วัน 1 ปีขึ้นไป (พร้อมชน) 20–30 นาที 5 วัน เทคนิคของเซียนไก่ชน ใช้ ไก่สาวตัวล่อ ให้อยู่ด้านนอกกรง เพื่อกระตุ้นให้วิ่งเร็วขึ้น ฝึกสลับวัน วิ่ง-พัก เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อล้า ให้ไก่วิ่ง ตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็ม เพื่อให้กล้ามเนื้อสมดุล ตัวอย่างจริง: เซียนไก่ชนบางซุ้มในสุพรรณบุรีนิยมให้ไก่วิ่งสุ่มวันละ 2 รอบ เช้า–เย็น ครั้งละ 15 นาที ผลคือไก่ชนมีความอึดมาก ชนได้ยาวถึง 5 ยกโดยไม่แผ่ว มุมมองจากเซียนไก่ชนต่อการวิ่งสุ่ม “การวิ่งสุ่มนี่แหละ เคล็ดลับของไก่เก่ง ถ้าไก่วิ่งสุ่มเป็นประจำ รับรองว่าอึดกว่าไก่ไม่ได้วิ่งแน่นอน บางตัวซ้อมไม่ถึงยกก็หมดแรงแล้ว แต่ถ้าวิ่งสุ่มสม่ำเสมอ สามารถยืนชนได้ตั้งแต่ต้นยันจบแบบไม่ตกใจ” – เซียนสุพรรณ “ผมให้ไก่วิ่งสุ่มวันละ 15 นาที เช้า–เย็น ไม่เคยขาด ช่วงแรกไก่มันหอบบ้าง แต่พอฝึกต่อเนื่องสักเดือนเดียว กล้ามเนื้อขาแน่นขึ้น แข้งหนักขึ้น พอจับปล้ำก็เห็นผลทันที” – เซียน โคราช “ไก่ชนก็เหมือนนักมวย ถ้าไม่ฟิต ไม่มีใครเอาไปสู้หรอก การวิ่งสุ่มมันช่วยสร้างร่างกายได้เหมือนนักมวยวิ่งเช้า ทุกซุ้มดัง ๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น” – เซียนมหาสารคาม ข้อควรระวัง ห้ามให้ไก่วิ่งนานเกินไปจนหอบหนัก หลีกเลี่ยงอากาศร้อนจัด เพราะเสี่ยงลมแดด หากพบขาอักเสบ ปีกตก ควรหยุดฝึกทันที การดูแลหลังการวิ่งสุ่ม เช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น ลดอาการเมื่อยล้า อาบน้ำสมุนไพร เช่น ใบส้มป่อย ขมิ้น ให้อาหารโปรตีนเสริม เช่น ไข่ต้ม ถั่วเหลือง เปรียบเทียบการวิ่งสุ่มกับการออกกำลังแบบอื่น วิธีการฝึก จุดเด่น ข้อจำกัด วิ่งสุ่ม (กรงกลม) ควบคุมง่าย ปลอดภัย ได้ผลดี ต้องใช้กรงเฉพาะ วิ่งสาย (ปล่อยเชือก) ธรรมชาติ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มาก เสี่ยงบาดเจ็บจากการวิ่งแรง ปล้ำเช็คกำลัง ได้ฝึกเชิงการชนจริง เสี่ยงบาดเจ็บถ้าไม่ควบคุม การวิ่งสุ่มกับมิติธุรกิจ หากซุ้มไก่ชนฝึกไก่ด้วยการวิ่งสุ่มอย่างสม่ำเสมอ ไก่ที่ได้จะมีคุณภาพสูง สามารถสร้างรายได้หลายทาง เช่น ขายลูกไก่ฟิตซ้อมแล้ว ราคาสูงกว่าไก่ทั่วไป 2–3 เท่า ขายพ่อพันธุ์พร้อมชน ราคาอาจแตะหลักหมื่น–แสนบาท รับฝึกไก่ให้คนอื่น สร้างรายได้จากค่าบริการ ตัวอย่าง: ซุ้มไก่ชนแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ใช้วิธีฝึกวิ่งสุ่มควบคู่กับโภชนาการที่ดี จนทำให้ไก่ชนของซุ้มมีชื่อเสียง ขายพ่อพันธุ์ได้ตัวละ 50,000–80,000 บาท สรุป การวิ่งสุ่ม (ออกกำลังในกรงกลม) เป็นเทคนิคที่ช่วยพัฒนาไก่ชนให้มีความฟิต อึด และพร้อมสำหรับการต่อสู้ในสนามจริง หากฝึกอย่างถูกวิธี ควบคู่กับโภชนาการที่เหมาะสมและการดูแลหลังการฝึก จะช่วยเพิ่มโอกาสชนะได้อย่างมาก และยังสร้างมูลค่าให้กับไก่ชนจนต่อยอดเป็นธุรกิจได้ในอนาคต
พ่อเก่งแม่เก่ง ลูกจะเก่งจริงหรือ? ไขความลับการถ่ายทอดสายพันธุ์ไก่ชน ในวงการไก่ชน คำถามที่ได้ยินบ่อยคือ “ถ้าพ่อเก่ง แม่เก่ง ลูกจะเก่งด้วยไหม?” คำตอบก็คือ ลูกมีโอกาสเก่ง แต่ไม่ 100% เพราะความสามารถของไก่ชนไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายเลือดเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับ พันธุกรรม การคัดเลือก การเลี้ยงดู และการฝึกฝน ซึ่งทั้งหมดต้องเดินไปพร้อมกัน 1. พันธุกรรม: จุดเริ่มต้นของความเก่ง ไก่ชนที่มาจากพ่อแม่ที่มีเชิงชนดี มักจะ ถ่ายทอดลักษณะเด่น เช่น ความแข็งแรง กระดูกใหญ่ ความว่องไว หรือเชิงชนเฉพาะสายพันธุ์ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ลูกทุกตัวจะได้ลักษณะดีเหมือนกันทั้งหมด บางตัวอาจได้ลักษณะด้อย หรือผสมกันจนไม่โดดเด่น ดังนั้น พันธุกรรมเป็นเพียง โอกาส ไม่ใช่ การันตี 2. การคัดเลือกสายพันธุ์: ศาสตร์และศิลป์ พ่อพันธุ์: ควรเป็นไก่ชนที่ผ่านการชนจริง มีประวัติการชนะ หรือมีเชิงชนชัดเจน แม่พันธุ์: มีความสำคัญไม่น้อยกว่าพ่อ เพราะลูกมักได้รับลักษณะจากแม่ถึง 60–70% การผสมควรเลือกแบบ เสริมข้อดี ลดข้อด้อย เช่น พ่อสายตีแรง + แม่สายอึดทน เพื่อให้ลูกมีทั้งพลังและความทนทาน 3. การเลี้ยงดูและโภชนาการ: ปัจจัยเสริมที่ขาดไม่ได้ แม้จะมีสายเลือดดี แต่ถ้าเลี้ยงไม่ถูกวิธีก็อาจไม่พัฒนาได้ อาหารหลัก: ข้าวเปลือก ข้าวโพด ข้าวสาลี โปรตีนเสริม: หนอนนก ปลายข้าว ไข่แดงต้ม วิตามินและแร่ธาตุ: เสริมภูมิคุ้มกันและความแข็งแรง น้ำสะอาด: ควรเปลี่ยนใหม่ทุกวัน 4. การฝึกฝน: แปลงศักยภาพให้เป็นของจริง ไก่ชนที่ได้เชิงมาดี แต่ ไม่เคยฝึกซ้อม ก็ไม่สามารถเก่งได้เต็มที่ การวิ่ง → สร้างความอึดและกล้ามเนื้อขา การฝึกบินและกระโดด → เพิ่มความคล่องตัว การปล้ำซ้อม → ฝึกการโจมตี ป้องกัน และการหลบหลีก การฝึกจิตใจ → ทำให้ไก่ไม่ตกใจง่ายในสนามจริง 5. สภาพแวดล้อมและสุขภาพ โรงเรือนต้องโปร่ง สะอาด ป้องกันโรค การฉีดวัคซีนและตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะช่วยให้ไก่ฟื้นตัวเร็ว ไก่ที่สุขภาพดี ย่อมมีโอกาสพัฒนาได้เหนือกว่าตัวที่อ่อนแอ ตัวอย่างการถ่ายทอดพันธุ์ พ่อพม่าตีแม่น + แม่ไทยเชิงดี ลูกที่ออกมามักได้ “ความแม่นยำในการตี” จากพ่อ และ “เชิงชนที่พลิกแพลง” จากแม่ ผลลัพธ์: ลูกบางตัวจะเด่นมาก มีทั้งแม่นและเชิงครบ แต่บางตัวก็อาจเด่นด้านใดด้านหนึ่ง พ่อสายแข็งแรงอึดทน + แม่สายตีแรง ลูกที่ได้จะมีร่างกายแข็งแรง รับการตีได้หลายยก และมีหมัดตีที่หนัก เหมาะกับการชนยืดเยื้อ เพราะลูกจะไม่หมดแรงง่าย พ่อแม่เก่งทั้งคู่ แต่เลี้ยงไม่ถูกวิธี ตัวอย่างเช่น ลูกไก่ได้เชิงดีจากพ่อแม่ แต่ขาดโภชนาการ โปรตีน และการฝึกซ้อม ผลลัพธ์: ไก่ไม่พัฒนาเต็มศักยภาพ ถึงมีสายเลือดดีแต่ก็แพ้คู่ต่อสู้ที่ถูกเลี้ยงฝึกมาอย่างถูกต้อง กรณีศึกษาที่วงการนิยมพูดถึง สายพม่าผสมไทย: ได้ลูกที่ “ตีแม่น + เชิงจัด” ถือว่าเป็นคู่ผสมยอดนิยม จะเห็นว่า “พ่อเก่งแม่เก่ง” ถือเป็น ต้นทุนเริ่มต้นที่ดี แต่ถ้าไม่เลี้ยงดู ฝึกซ้อม และจัดโภชนาการเหมาะสม ก็อาจทำให้ลูกไก่ไม่เก่งอย่างที่หวัง สายประดู่หางดำ: ถ้าได้พ่อแม่ที่เก่ง ลูกมักออกมาแข็งแรง มีโครงสร้างใหญ่ อึด และนิยมเอาไปต่อยอดผสมกับสายอื่นเพื่อเสริมข้อดี สรุป พ่อเก่ง + แม่เก่ง = ลูกมีโอกาสเก่งสูง (ประมาณ 60–70%) แต่ถ้าไม่มีการเลี้ยงดู โภชนาการ และการฝึกฝนที่เหมาะสม ลูกอาจไม่พัฒนาเลย การได้พ่อแม่พันธุ์ที่ดีถือเป็น จุดเริ่มต้นที่สำคัญ แต่สิ่งที่ทำให้ลูกไก่เก่งจริง ๆ คือ การดูแลและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
5 วิธีสร้างความแข็งแรงและความคล่องแคล่วให้ไก่ชน เพิ่มโอกาสชนะ ฝึกไก่ชนให้แข็งแรงและคล่องแคล่วด้วยการดูแลและฝึกฝนที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มโอกาสชนะในการชนจริง การสร้างให้ไก่ชนมีทั้งพละกำลังและความคล่องแคล่วว่องไวเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ไก่ชนต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรับมือกับคู่ต่อสู้ได้ดีโดยไม่หมดแรงหรือบาดเจ็บง่าย ในบทความนี้เราจะกล่าวถึง 5 วิธีในการเสริมสร้างความแข็งแรงและความคล่องแคล่วของไก่ชน ตั้งแต่การดูแลโภชนาการไปจนถึงการประเมินผลการฝึกฝน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ไก่ชนของคุณคว้าชัยชนะในสนามได้มากขึ้น 1. การดูแลโภชนาการ โภชนาการที่ดีเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้ไก่ชนมีพละกำลังและสุขภาพแข็งแรง พร้อมสำหรับการฝึกและการต่อสู้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการให้อาหารที่ถูกต้องและเพียงพอจึงเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงไก่ชนทุกคนควรใส่ใจ: อาหารหลัก: ควรให้อาหารหลักที่มีคุณภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น ข้าวเปลือก ข้าวสาลี ข้าวโพด รวมถึงธัญพืชอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นแหล่งพลังงานชั้นดีสำหรับไก่ชน โปรตีน: เสริมโปรตีนในอาหารของไก่ชนด้วยแหล่งโปรตีนคุณภาพ เช่น หนอนนก ปลายข้าว หรือโปรตีนจากสัตว์เล็กอื่นๆ โปรตีนจะช่วยสร้างเสริมกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับไก่ชน วิตามินและแร่ธาตุ: จัดหาวิตามินและแร่ธาตุเสริมให้ไก่ชนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะวิตามินกลุ่มบี วิตามินซี และแร่ธาตุอย่างสังกะสี สารอาหารเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ไก่ชนแข็งแรงและไม่ป่วยง่าย 2. การฝึกฝนร่างกาย การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ความทนทาน และความแข็งแรงของไก่ชนให้พร้อมลุยในการชนจริง ผู้เลี้ยงควรวางโปรแกรมฝึกที่หลากหลายเพื่อพัฒนาร่างกายไก่ชนทุกส่วน ดังนี้: การวิ่งออกกำลังกาย: ให้ไก่ชนได้วิ่งออกกำลังทุกวัน ไม่ว่าจะวิ่งในลู่สนามหรือพื้นที่ว่าง การวิ่งจะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อขา เพิ่มความอึดและพละกำลังให้ร่างกายไก่ชนโดยรวม การฝึกบิน: ฝึกให้ไก่ชนบินขึ้น-ลงจากที่สูง (เช่น คอนไม้หรือกล่องไม้เตี้ยๆ) เป็นประจำ การบินขึ้นลงจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อปีกและเพิ่มความคล่องแคล่วในการเคลื่อนไหวกลางอากาศ การกระโดด: จัดให้ไก่ชนฝึกกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางเล็กๆ เช่น ไม้กั้นหรือกล่อง เพื่อฝึกความแข็งแรงของช่วงขาและเพิ่มความยืดหยุ่นว่องไวให้กับไก่ชน การฝึกกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน: ใช้อุปกรณ์ง่ายๆ อย่างเชือกหรือสายยางให้ไก่ชนได้ฝึกดึงหรือยกน้ำหนักเบาๆ วิธีนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ทั่วร่างกายไก่ชนให้พัฒนายิ่งขึ้น 3. การฝึกกลยุทธ์และทักษะการต่อสู้ ไก่ชนควรได้รับการฝึกต่อสู้กับคู่ซ้อมในสนามซ้อม เพื่อพัฒนาทักษะและสร้างความมั่นใจก่อนลงสนามจริง นอกจากความแข็งแรงทางร่างกาย ไก่ชนยังต้องพัฒนาทักษะการต่อสู้และจิตใจให้พร้อมเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ การฝึกกลยุทธ์การชนและความคล่องตัวในการต่อสู้จะช่วยให้ไก่ชนมีไหวพริบและไม่ตื่นสนามเมื่อต้องชนจริง ผู้เลี้ยงควรฝึกไก่ชนในสถานการณ์ต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับการแข่งขันจริง เพื่อให้ไก่เกิดความคุ้นเคยและมั่นใจ โดยมีวิธีฝึกสำคัญดังนี้: การฝึกต่อสู้กับคู่ซ้อม: ให้ไก่ชนได้ลองต่อสู้กับไก่คู่ซ้อมที่มีฝีมือสูสีหรือทักษะใกล้เคียงกันเป็นระยะ การปล้ำหรือซ้อมชนกันจะช่วยพัฒนากลยุทธ์การโจมตีและการป้องกันตัวของไก่ชน ทำให้ไก่เรียนรู้วิธีรับมือกับคู่ต่อสู้หลากหลายรูปแบบ การฝึกการหลบหลีก: ฝึกไก่ชนให้รู้จักหลบหลีกการโจมตีอย่างคล่องแคล่วว่องไว เช่น การโยกตัวหลบซ้ายขวาหรือหลบหมัดตีของคู่ต่อสู้ เทคนิคการหลบหลีกเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสที่ไก่จะบาดเจ็บและเปิดช่องโจมตีกลับได้ดีขึ้น การฝึกจิตใจ: สร้างสถานการณ์จำลองการต่อสู้จริงให้ไก่ชนเผชิญหน้า เช่น การแข่งขันในสนามซ้อมที่มีเสียงเชียร์หรือสิ่งรบกวนสมาธิ เป้าหมายคือเพื่อเสริมความมั่นใจและความกล้าหาญให้ไก่ชน เมื่อลงสนามชนจริงไก่จะได้ไม่ตกใจกลัวและสามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ 4. การดูแลสุขภาพทั่วไป สุขภาพโดยรวมของไก่ชนเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ หากไก่ชนเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บย่อมส่งผลให้ความสามารถในการต่อสู้ลดลงอย่างมาก การดูแลสุขอนามัยและสุขภาพทั่วไปจึงเป็นสิ่งจำเป็นควบคู่กับการฝึกฝนด้านอื่นๆ: การพักผ่อน: จัดที่พักให้ไก่ชนได้พักผ่อนอย่างเพียงพอในสิ่งแวดล้อมที่สงบ ปลอดภัย และสะอาด การพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายไก่ฟื้นฟูจากการฝึกหนัก และลดความเครียดทำให้ไก่สดชื่นพร้อมฝึกหรือแข่งขันอยู่เสมอ การรักษาบาดแผล: หลังการฝึกหรือการชน ควรตรวจสอบร่างกายไก่ชนว่ามีบาดแผลหรือไม่ หากพบควรรักษาทันทีก่อนที่แผลจะลุกลาม ใช้ยารักษาบาดแผลที่เหมาะสม ทำความสะอาดแผล และดูแลอย่างใกล้ชิดจนกว่าไก่จะหายดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน การป้องกันโรค: สร้างภูมิคุ้มกันให้ไก่ชนด้วยการฉีดวัคซีนตามกำหนด และให้ยาปฏิชีวนะหรือวิตามินเสริมตามความเหมาะสม นอกจากนี้ควรรักษาความสะอาดของโรงเรือนและภาชนะใส่อาหารน้ำอยู่เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงการระบาดของโรคต่างๆ ในไก่ชน 5. การประเมินและปรับปรุง การประเมินผลและปรับปรุงการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผู้เลี้ยงทราบถึงพัฒนาการของไก่ชน และสามารถแก้ไขข้อบกพร่องได้ทันท่วงที วิธีการติดตามความก้าวหน้าของไก่ชนมีดังนี้: การประเมินความแข็งแรงและคล่องแคล่ว: ควรทดสอบสมรรถภาพของไก่ชนเป็นประจำ เช่น ตรวจดูความเร็ว ความอึด และความว่องไวในการเคลื่อนไหวขณะฝึก เปรียบเทียบพัฒนาการเหล่านี้เป็นระยะๆ เพื่อดูว่าไก่ชนมีความก้าวหน้าขึ้นหรือไม่ การปรับปรุงการฝึก: นำผลการประเมินมาวิเคราะห์และปรับปรุงตารางการฝึกหรือการดูแลให้เหมาะสมยิ่งขึ้น หากพบว่าจุดใดที่ไก่ชนยังมีข้อด้อย เช่น ความทนทานหรือความเร็วไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็ควรเสริมการฝึกในส่วนนั้นๆ เพิ่ม รวมถึงปรับโภชนาการหรือการพักผ่อนให้เหมาะสมกับความต้องการของไก่ชนแต่ละตัว สรุป: การดูแลและฝึกฝนไก่ชนอย่างเป็นระบบครบทุกด้านตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้น จะทำให้ไก่ชนของคุณมีความแข็งแรง พละกำลัง และความคล่องแคล่วที่จำเป็นในการต่อสู้ ส่งผลให้พร้อมรับมือกับคู่ต่อสู้ได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ความสม่ำเสมอในการฝึกและการเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ไก่ชนคว้าชัยชนะในสนามการแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น
เจ้าจอมโหด ค่าตัว 2.9 ล้าน แชมป์ 4,400,000 บาท สนามกีฬาไก่ชนเทิดไท
เขียนเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว อ่าน 24,092 ครั้ง“เจ้าปิ่นคีรี” แชมป์ 11 ล้าน สนามทับตีเหล็ก
เขียนเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว อ่าน 19,071 ครั้ง“เจ้าถุงเงิน” แชมป์ 13 ล้านบาท จากสนาม มีสุวรรณ 1
เขียนเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว อ่าน 15,459 ครั้งไก่ชนเจ้าเเจ้ดอกไม้ไฟ แชมป์เงินล้าน 3 สนาม ย้ายสังกัดค่าตัว 4,000,000 บาท
เขียนเมื่อ 4 ปี ที่แล้ว อ่าน 6,437 ครั้งปิดตำนานเจ้ามณีแดง ไก่ชนค่าตัวเดิมพันแพง 22 ล้าน
เขียนเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว อ่าน 4,933 ครั้งเจ้ารอนนี่ ไก่ชนค่าตัว 6 ล้านบาท แพงที่สุดในโลก
เขียนเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว อ่าน 15,841 ครั้งสนามไก่ชนสายพันธุ์พม่า ข้าวพวงฟาร์ม อนุรักษ์และส่งเสริมไก่ชนแม่สะเรียง
เขียนเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว อ่าน 3,458 ครั้งไก่หนุ่มป่าก๋อยประกบกัดปากไวไม่หาหัว ตีซอกตีหลังเบ
ซุ้ม [ปิดการขาย]
ยอดเข้าชม 821 ครั้ง
ราคา 2000 บาท
ไก่สาวพม่าม้าล่อสายเลือดมหานคร/สายโกเซ้มสายเก่าบวก
ซุ้ม [ปิดการขาย]
ยอดเข้าชม 824 ครั้ง
ราคา 1000 บาท
พม่าม้าล่อสายเลือดมหานครบวกสาบลำพูนตีหู เกรดทำแม่พ
ซุ้ม [ปิดการขาย]
ยอดเข้าชม 762 ครั้ง
ราคา 2000 บาท
ไก่สาวพม่ารำวงสายเลือดเงินล้าน สาย มหานคร/รอนนี่
ซุ้ม [ปิดการขาย]
ยอดเข้าชม 665 ครั้ง
ราคา 2000 บาท
ไก่สาวพม่าม้าล่อสายเลือดดี ปากไว แผลคมๆ เกรดทำแม่พ
ซุ้ม [ปิดการขาย]
ยอดเข้าชม 644 ครั้ง
ราคา 1000 บาท
ไก่สาวพม่ารำวงแผลคม สายเลือดดีเกรดต่อยอด ตัวที่2
ซุ้ม [ปิดการขาย]
ยอดเข้าชม 692 ครั้ง
ราคา 2000 บาท