สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้วิเคราะห์ถึงผลกระทบจาก พ.ร.บ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2560 ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา วาระ 2 และ 3 ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อาจจะส่งผลกระทบกับประชาชนที่ใช้ประโยชน์จากที่ดินในวงกว้าง โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ธุรกิจขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถแบบกรับภาษีที่ดินใหม่ได้ ยิ่งหากเป็นที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างใจกลางเมืองใหญ่ ซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างสูงมากเจ้าของที่ดินจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง ทั้งที่เจ้าของที่ดินบางรายอาจไม่ใช่เศรษฐี หรืออาจปล่อยให้เช้าที่ดินบางส่วนเพื่อขายของ หากถูกประเมินว่าเพื่อการพาณิชย์ จะต้องเสียภาษี 0.3-2% ของราคาประเมิน ซึ่งรายได้จากการปล่อยให้เช่าพื้นที่อาจไม่คุ้มกับภาษีที่จะต้องจ่าย
ส่วนธุรกิจขนาดเล็กที่ใช้ที่ดินไม่มาก ผลตอบแทนที่ไม่สูง เช่นสถานีบริการน้ำมัน ปั้มแก๊ส ธุรกิจล้างรถ ตลาดสด หอพัก สถานที่จอดรถ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ฟาร์มไก่ไข่ ฟาร์มไก่เนื้อ ฟาร์มไก่ชนฯลฯ เดิมไม่ต้องเสียภาษีบำรุงท้องที่ หรือเสียแต่น้อย แต่หากต้องเสียภาษีตามกฏหมายที่ดินใหม่ อาจจะต้องจ่ายมากขึ้นซึ่งอาจจะกระทบกับธุรกิจเหล่านี้ได้ และอาจจะต้องปิดกิจการในที่สุด พร้อมกับบทลงโทษที่ทางอาญาที่อาจส่งผลกระทบ หากเจ้าของที่ดินเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์จากที่ดินโดยไม่แจ้ง จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, หากโอนย้ายที่ดินที่ถูกสั่งอายัดไว้แล้ว จำคุกไม่เกิน 2ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จหรือเพื่อเลี่ยงภาษี จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เลี่ยงภาษีมีโทษทางอาญา
อีกสิ่งที่น่ากังวลคือ กฏหมายให้อำนาจองค์การปกครองส่วนท้องถอิ่น (อปท.) เป็นผู้บังคับใช้กฏหมาย ทั้งการประเมินและการจัดเก็บรวมทั้งยึดและอายัดทรัพย์ขายทอดตลาด จึงเกรงว่าอาจเป็นช่องทางเอื้อให้เกิดการทุจริต เพราะกฏหมายเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจได้เอง ซึ่งเจ้าของที่ดินอาจได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีไม่เป็นธรรม หรืออาจถูกส่งดำเนินคดีอาญาได้ ดังนั้นต้องการให้มีคณะกรรมการตรวจสอบความโปร่งใสของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นด้วย สำหรับ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คาดจะบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.62 โดยกำหนดจัดเก็บภาษีที่ดิน 4 ประเภทคือ ที่ดินเกษตรกรรมไม่เกิน 0.2% ที่ดินที่พักอาศัยไม่เกิน 0.5% ที่ดินพาณิชยกรรมไม่เกิน 2% และที่ดินรกร้างว่างเปล่า 2% และจะเพิ่ม 0.5% ทุกๆ 3 ปี โดยมีเพดานภาษีสูงสุด 5%.
ข้อมูลภาพ : โชคสันติฟาร์ม